โปร์แลน

 

ปกิณกะ : โปแลนด์ เจ้าภาพร่วมฟุตบอลยูโร2012

         ถ้าไม่เขียนถึงประเทศโปแลนด์ ในฐานะประเทศเจ้าภาพร่วม ในการจัดฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ร่วมกับประเทศยูเครน ก็ถือว่า เฒ่าพเนจรผู้

นี้ ตกเทรนด์ไปสักหน่อย ยามเมื่อคิดถึงกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ครั้งใด เฒ่าพเนจร อดที่จะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันขื่นขมไปหมด เมื่อคิดถึง

วิญญาณ การต่อสู้ ของชาวโปลิส

          กระสุนนัดแรก ของสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นที่ชายแดน ระหว่าง เยอรมัน กับ โปแลนด์ แต่วีรกรรมการต่อสู้ของชาวโปลิสทั้งประเทศ

ที่ต่อสู้ทั้งกองทัพนาซีเยอรมัน ที่ต่อสู้กับกองทัพแดงของ สตาลิน และเพิ่งเป็นอิสระจากระบอบคอมมิวนิสต์ มาสู่ระบอบประชาธิปไตย เมื่อ 20

กว่าปีมานี้เอง

          เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ของชาวโปลิส คือ วันที่ 1 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1944 เป็นการ เป็นการปฏิบัติการของกำลังใต้ดิน ปาติสัน ในกรุง

วอร์ซอ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับทหารนาซีเยอรมัน โดยได้รับการสนับสนุน จากรัฐบาลพลัดถิ่น ของชาวโปลิส ที่อยู่ในอังกฤษ มีทั้งเด็กอายุ 7 - 8

ขอบ ไปจนถึงเด็กอายุ 20 กว่า ๆ ทั้งชายและหญิงโดยใช้สัญลักษณ์ของกลุ่มกำลังใต้ดิน

อักษณ P กับ W คล้ายสมอเรือ เป็นความเชื่อในศาสนาคาทอลิก โมโนแกรม ซึ่งแปลว่า Poland Fight ใช้เป็นปลอกแขน

วัยรุ่นชาวโปลิส หน่วยปาติสัน ต่อสู้กับทหารนาซีเยอรมัน โดยมีอาวุธแค่ปืนสั้น ปืนยาว และระเบิดมือเท่านั้น แต่นาซีเยอรมัน มีความพร้อมทาง

ด้านอาวุธและกำลังทหาร ตั้งแต่เครื่องบินจนถึงยานเกราะ ส่วนฝ่ายสัมพันธมิตร กำลังรบติดพันกับนาซีเยอรมัน ที่แคว้นนอร์มังดี ของ

ฝรั่งเศส ไม่สามารถส่งกำลังบำรุงให้กลุ่มปาติสัน ได้เพียงพอ เนื่องจาก รัสเซีย ไม่ยอมให้ผ่านน่านฟ้า จึงต้องบินผ่าน น่านฟ้า ของออสเตรีย และ

เช็ค ซึ่งเยอรมันยังครอบครองอยู่ การส่งกำลังบำรุง จึงไม่สามารถทำได้ โดยสะดวก สาเหตุที่กองกำลังชาวโปลิส ปาติสัน ได้ตัดสินใจต่อสู้ใน

เดือน สิงหาคม นั้น เพราะขณะประมาณ กลางเดือน กรกฎาคม ปี ค.ศ.1944 กองทับแดง ของสตาลิน ได้ยกมาประชิด ที่แม่น้ำ วิสวา ฝั่ง

ตะวันออกแล้ว ชาวโปลิส ตระหนักดีว่า ถ้าไม่สู้กับนาซีเยอรมันตอนนั้น รัสเซีย ก็จะเข้ามารบกับ เยอรมันเอง และประเทศโปแลนด์อันเป็นที่รัก ก็

ต้องตกเป็นของรัสเซีย หากสู้กับ นาซีเยอรมันก็มีโอกาส แต่ถ้าแพ้ ก็แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี กองทัพแดง หยุดอยู่กับที่  ปล่อยให้กลุ่ม ชาวโปลิส ปาติ

สัน ต่อสู้กับนาซีเยอรมัน สตาลินคิดว่า ชาวโปลิสคงแพ้ นาซีเยอรมันคงเข่นฆ่าผู้นำ และปัญญาชน ของชาวโปลิส เมื่อรัสเซียเข้าครอบครอง จะ

ได้ปกครองง่าย แต่ถึงอย่างไร กองกำลังปาติสัน ก็สามารถต้านทานกองทัพนาซี ได้นานถึง 63 วัน เมื่อเยอรมันยึดกรุงวอร์ซอได้ ฮิตเลอร์สั่ง

ปฎิบัติการ Clean วอร์ซอ เข่นฆ่าพลเมือง ไปหลายแสน ทำลายบ้านเรือนเก์อบทั้งหมด หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ จึงเกิดประเพณี รำลึกถึง

ดวงวิญญาณ ของเหล่าผู้กล้าหาญ ทุกห้าโมงเย็น ของวันที่ 1 สิงหาคม ของทุกปี ทุกเมืองในประเทศโปแลนด์ จะเปิดหวอเป็นเวลา 1 นาที เพื่อ

ให้ทุกคนหยุดระลึก ถึงวันนั้น ถึงแม้จะได้รับคำขอโทษ จากนายกรัฐมนตรีของเยอรมัน อังเกล่า แมร์เคล Click นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน เธอ

กล่าวว่า เธอขอก้มหัวให้แก่ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ทั้งหมดในระหว่างสงคราม

ภาพความเสียหายของกรุงวอร์ซอ

สภาพศพชาวโปลิส

สภาพศพชาวโปลิส

สภาพศพชาวโปลิส

ภาพการต่อสู้ของชาวกรุงวอร์ซอ

ภาพการต่อสู้ของชาวกรุงวอร์ซอ

ภาพการต่อสู้ของชาวกรุงวอร์ซอ

WARSAW UPRISING

Music : Broden

Lyrics : Broden/Sundstrom

 

Warsaw Rise!

 

Do you remember when, when the Nazis fored their rule on Poland 1939 andk the allies turned away

From the underground rose a hope of freedom as a whisper

City in despair, but they never lost their faith

 

Women, men and children fight

They were dying side by side

And the blood they she'd upon the streets

Was a sacrifice willingly paid

 

Warsaw city at war

Voices from underground

 

Whispers of freedom

1944 help that never came

Calling Warsaw city at war

Voices from underground

 

Whispers of freedom

Rise up and heaar the call

History calling to you

'Warszawa, walcz!'

 

Spirit soul and heart

In accordance with the old traditions

1944 still the allies turn away

Fighting street to street

In a time of hope and desperation

Did it on their own and they never lost their faith

 

Women, men and children fight

They were dying side by side

And the blood they she'd upon the streets

Was a sacrifice willingly paid

 

Warsaw city at war

Voices from underground

 

Whispers of freedom

1944 help that never came

Calling Warsaw city at war

Voices from underground

 

Whispers of freedom

Rise up and hear the call

History calling to you

'Warszawa, walcz!'

 

[Solo oskar & Rikard]

 

[2x]

All the streetlights in the city

Broken many years ago

Break the curfew, hide in sewers

Warsaw it's time to rise now

 

Warsaw city at war

oices from underground

 

Whispers of freedom

1944 help that never came

Calling Warsaw city at war

Voices from underground

 

Whispers of freedom

Rise up and hear the call 

Histroy calling to you

'Warszawa, walcz!'

 

ส่วนชาวโปแลนด์คงได้แต่พูดว่า Forgive But Never Forget "ให้อภัย แต่จะไม่ลืมอดีตอันขมขื่น" หลังจากกรุงวอร์ซอ ถูกทำลาย ย่อยยับ

ประชากรตายประมาณ 8 แสนคน และชาวโปลิส ยังถูกกองทัพแดง ฆ่าตายอีกหลายหมื่นคน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบ ในปี ค.ศ. 1949  - 

1963 รวมระยะเวลาประมาณ 14 ปี ชาวโปลิส รวบรวมกำลังกัน สร้างกรุงวอร์ซอขึ้นใหม่ จากภาพถ่ายเดิม จนได้รับยกย่องจากยุเนสโก ให้เป็น

มรดกโลก ในปี ค.ศ.1980 หากท่านใด ไปเยี่ยมกรุงวอร์ซอ กรุณาไปดูพิพิธภัณฑ์ จะเห็นประวัติศาสตร์ อันยิ่งใหญ่ ของการต่อสู้ ระหว่างชาวโปลิส

ชาติเล็ก ๆ ได้ยืนหยัดต่อสู้กับ มหาอำนาจอันยิ่งใหญ่อย่างนาซีเยอรมัน และรัสเซีย ในขณะเดียวกัน ที่เมืองหลวงหลายาติในยุโรป มีการต่อสู้

ประปราย ก็ยอมแพ้ ต่อนาซีเยอรมัน อย่างมากก็ไม่เกิน 2 อาทิตย์ และอย่าลืม ไปเยี่ยมอนุสาวรีย์ ยุวชนทหาร

 

ที่ริมกำแพงเมืองเก่า เพื่อรำลึกถึงวีรกรรม ของเด็กชาวโปลิสด้วย เฒ่าพเนจรเคยไปคารวะแล้วระลึกถึงจิตใตอันห้าวหาญ ของดวงวิญญาณท่านเหล่านั้น จงไปสู่สุคติ หากชาติหน้ามีจริง ขอเป็นเพื่อนร่วมดลกด้วยกันอีกเถิด

อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร

หากกล่าวถึงอนุสาวรีย์ยุวชนทหาร ก็อดที่จะกล่าวถึง

แมนเนเกน พิส Click รูปเด็กชายเปลือยกาย กำลังปัสสาวะใส่อ่าง ความสูงครึ่งเมตรกว่าๆ อยู่ใจกลางกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ตำนานเล่าว่าเมื่อศตวรรษที 14 กรุงบรัสเซลส์ อยู่ท่ามกลางสงคราม และุูกฝ่ายตรงข้าม นำระเบิดมาวางไว้ที่กำแพงเมือง เด็กชายคนหนึ่งชื่อ จุเลียนสกี มาพบ สายชนวนระเบิด กำลังติดไฟ ขึงปัสสาวะรด เพื่อดับชนวนระเบิด ป้องกันเมืองไว้ได้ ชาวเมืองจึงแกะสลักรูปไว้เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญ

แต่สำหรับในบ้านเรา ก็มีวีรกรรมของยุวชนทหาร Click เมื่อวันที 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบก ที่บริเวณบ้านคอสน และบ้านแหลมดิน ตำบลท่ายาง อำเภอเมืองชุมพรยุวชนทหาร หน่วยที่ 42 โรงเรียนศรียาภัย พร้อมทั้งตำรวจ ทหาร ประชาชน ได้ต่อสู้กับ ญี่ปุ่น ถึงขั้นตะลุมบอน บริเวณสะพานท่านางสังข์จนทหารญ่ปุ่น ไม่สามารถเข้าเมืองชุมพรได้ เหตุการณ์ครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิต 5 นาย และ บาดเจ็บ 5 นาย ต่อมาจึงมีการสร้างอนุสาวรีย์ ยุวชนทหาร บริเวณริมถนนสะพานท่านางสังข์ รวมทั้งจารึกชื่อผู้เสียสละ ให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงวีรกรรม ของผุ้กล้าหาญเหล่านั้น

เกือบ 70 ปี ที่สงครามโลกสงบ ทวีปยุโรปซึ่งเคยรบราฆ่าฟันกัน ระหว่างคนต่างภาษา ต่างเผ่าพันธุ์ บัดนี้ได้รวมกันเป็นสหภาพยุโรป เศรษฐกิขเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งโแลนด์ และเยอรมนี ฝรั่งเศา อิตาลี และอีกมากมาย ก็รวมอยู่ใน กลุ่มอียู Click ด้วยกัน ช่วยเหลือเจอจานกันในด้านเศรษฐกิจ ประชาชนถือแค่บัตรประจำตัว ก็สมารถเดินทางได้ทั่วทุกประเทศ ที่อยู่ในกลุ่มอียูด้วยกัน ไม่ต้องขอวีซ่า ประเทศอาเซียนก็เอาตามอย่าง รวมทั่งไทยด้วย การต่อสู้ด้วยอาวุธ ก็ยังคงมีอยู่ แต่ต่างกัน ขณะที่ชาวกรุงวอร์ซอ มีืนยาว ปืนสั้น และระเบิดมือ เป็นอาวุธ นาซีเยอรมันมีปืนใหญ่ รถถัง ปืนกลมากมาย เป็นอาวุธ ต่อสู้กัน 63 วัน แต่ประเศสารขัน ฝ่านหนึ่งมีอาวุธประจำกายเป็น M-16 รถสายพานหุ้มเกราะ สไนเปอร์ อีกฝ่านหนึ่งมีเพียวแค่ หนังสติก เป็นอาวุธ เข้าห้ำหั่นกัน ทั้งที่เป็นชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน อันนี้เฒ่าพเนจร ไม่เข้าใจเลยว่า ผุ้สั่งการให้มีอาวุธรุ่นใหม่ อานุภาพร้ายกาย เรียกว่า "ดุลพินิจ พิจารณา วินิจฉัย การตีความ"

โดยไม่เข้าใจหลัก 3 ประการ คือ บริหาร ตุลาการ และนิติบัญญัติ โอ้อนิจจา สารขันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยปกป้องรักษาอย่ามัวแต่ Holiday กลับมาช่วยกันได้แล้ว email ไปก็ไม่ตอบกลับ โทรไปก็ฝากข้อความ

ขอขอบคุณภาพหนังสือพิมพ์ข่าวสด

ย้อนกลับไปโปแลนด์

ตึกอันเป็นสัญลักษณ์ยุคสตาลิน

ตึกอันเป็นสัญลักษณ์ของยุคสตาลิน ที่จะสร้างให้แก่เมืองหลวง ของประเทศบริวาร ผงาดอยู่ที่ใจกลางกรุงวอร์ซอ ชาวโปลิส ถือว่าอัปลักษณ์มาก เฒ่าพเนจร คิดถึง สมีเองเพือ่นรัก ป่านนี้คงมีความสุขกับบรรดาหมู่สหาย กลางเถียงนาปล่อยให้เฒ่าพเนจรผู้อาภัพ เดินหนาวอยู่คนเดียว กลางดินแดนที่เคยเป็นสมรภูมิเลือด ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เดินเรียบเคียงไปตามห้างร้าน ถามหา วอดก้าๆ เพราะหา สาโท หรือน้ำตาลเมา ไม่ได้ก็ไปบังเดิญเจอ วอดก้า ชื่อ Grasovka Bisongrass vodka

เขาเล่ากันว่า หมักจากหญ้าที่ วัวไบซัน ยุโรป ชอบกิน ซึ่งอยู่ทางซีกตะวันออก ของประเทศโปแลนด์ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเบลารุสของแท้ ต้องมีหญ้า 1 เส้นในขวดด้วย ซื้อมา 1 ขวด พอจิบแล้ว แกล้มกับไส้กรอกอีาน ไม่มี ก็เลยกิน ไส้กรอกเลือด แบับโปแลนด์ มันบ่ คือหม่ำ กระเดียดไปทางกลิ่นเลือดหน่อยๆ แกล้มกับกะหล่ำปีดอง พอกระโผลก กระเผลกไปได้ ดื่มคนเดียว ในสวนสาธารณะ ดื่มไปประมาณ 3 จอก

สติเริ่มฟื้นกลับคืนมา ดูที่ลบริเวณขวด วอดก้า โอ้ตายแล้ว มายก๊อด พระเจ้าจ๊อด ทรงโปรดเขียนว่าผลิตในประเทศโปแลนด์ แต่ดันบรรจุขวดในประเทศเยอรมนี อ้าวเมื่อ 60 กว่าปีก่อน รบกันแทบตาย เอ้ยไม่ ตายเป็นล้าน ตอนนี้นอกจากจะเป็นสหายสุรา วงเดียวกันแล้ว ยังร่วมกันบรรจุขวกขายอีกเหรอ

ช่างใหอภัยกันดีจริงๆ ความจริงแล้วเท่าที่สัมผัส ชาวโปลิส เบลาลุส ลิทัวเนีย ลัตเวีย ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบ ต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหนัก ล้วนมีน้ำใจ โอบอ้อม อารี สังเกตุได้จาก อนุสาวรีย์ ของทหาร ที่เสียชีวิต มีแต่เพียงบอกเล่าเหตุการณ์ รายชื่อผู้เสียชีวิต ไม่มีประโยคใด ที่ก่อให้เกิดความเข็บแค้น ความอาฆาต พยาบาท ให้แก่ชนรุ่นหลัง แม้แต่น้อย น่านิยมยกย่อง สรรเสริญ จิตใจของผู้คนเหล่านั้นเหลือเกิน ไม่เหมือนกับตอนเฒ่าพเนจร เรียนหนังสือ ถูกสอนให้เกลียดพม่า ใช้คำพูดว่า พม่าข้าศึก

ยังคงฝังความเกลียดชังไว้ให้ ซึงความจจริงแล้ว ขณะที่คนไทย กินกุ้ง ชาวพม่าเป็นคนคัดขนาดกุ้ง เป็นคนปลอกกุ้ง ให้คนไทยกิน ใครไม่เชื่อให้ไปดูที่มหาชัย

อากาศที่ซอร์วอ หนาวเย็นกว่าประเทศเรามาก เฒ่าพเนจร ดื่มอยู่แต่ผุ้เดียว คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา กว่าชาวยุโรปจะเป็นศิวิไลย์(civilization) ต้องผ่านวิวัฒนาการ ของความป่าเถื่อนมาก่อน ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และชีวิตผู้คน อย่างมากมาย คนรุ่นก่อน เฒ่าพเนจร ผุ้ยากไร้นี้ ก็มาร่ำเรียนในประเทศยุโรป มากมายหลายรุ่น นี่ไม่นับรุ่นหลังจาก เฒ่าพเนจรนะ ทำไม ไม่จำบทเรียนอันเจ็บปวด ในบ้านเขา  ไปเตือนสติกันในบ้านเรา และปัจจุบัน ก้าวเข้าสู่ยุคไซเบอร์ ข่าวสารส่งตรงถึงกัน ใช้เวลาแค่รัดนิ้วมือ ไม่มีใคร ปกปิดความจริงไปได้ โลกไซเบอร์ รวดเร็วยิ่งนัก แต่ในสังคมของเรา บางคนยังงมอยู่กับ โรคอัลไซเมอร์ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ของกระแสดลก ไม่ยอมรับ การเลือกตั้ง อำนาจของประชาชน การโอนถ่าย ความรับผิดชอยต่อภาระสังคม ให้คนรุ่นหลัง ที่แข็งแรงกว่า รวดเร็วกว่า คิดเพื่อส่วนรวมมากกว่า คิดทำโดยได้รับฉันทานุมัติ จากประชาชน โปแลนด์พึ่งก้าวจากคอมมิวนิสต์มาสู่ระบอบประชาธิปไตยเพียงไม่เกิน 20 กว่าปี ก้าวหน้าไปถึงเพียงนี้ เฒ่าพเนจรคิดว่า แม้โปแลนด์จะเป็น ประเทศคาทอลิก แต่ก็ยังให้อภัย เฒ่าพเนจรเป็นชาวพุทธ ยังเข้าใจท่านที่ยิ่งใหญ่ กว่าอภัยทาน นั้นไม่มี โปรดให้อภัย เหตุการณืต่างๆ ที่ผ่านมา ก็ให้มันผ่านไป อย่าให้มันมีความขัดแย้ง มากกว่านี้อีก อย่าให้ต้องเสียชีวิตมากมาย อย่างชาวยุโรป อย่าซ้ำรอยอย่างเขา แต่ดูอย่างเขา ให้อภัยซึ่งกันและกัน

วอดก้าแห่งการให้อภัย

ขวดนี้ เป็นของฝากสำหรับสมีเอ้ง วอดก้า แห่งการให้อภัย โปแลนด์ผลิต เยอรมันใส่ขวดขาย ไทยดื่ม ว่าที่จริง คนโปแลนด์เก่งๆมากมายหลายคน เช่น มารี กูรี ผู้หญิงเก่ง ได้แยกแยะสารเรเดียม ที่นำไปสู่การค้นพบ วิธีการบำบัด และรักษามะเร็งในระยะต่อมา เป็นคนเดียวที่ได้รับรางวัลโนเบล ถึง 2 ครั้ง และ คีตกวี เฟรเดริก โชแปง Click แม้ไม่ได้อยู่ในโปแลนด์ สักเท่าใด แต่มีถุงใส่ดินของโปแลนด์ ติดตัวอยู่ตลอดเวลาก่อนจาย ขอให้ญาติสนิท นำหัวใจ ไปฝังที่ดินแดนของโปแลนด์ ส่วนผุ้ชายโปแลนด์รูปร่างกำยำ ทำงานหนัก คล้าย เลค วาเลซา กรรมการอู่ต่อเรือ เมืองการ์แดนท์ นี่ก็เป็นทั้งประธานาธิบดี และได้รับรางวัลโนเบิล สาขาสิัติภาพ อีกท่าน คือ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ได้รับความเคารพ ของคริสต์ศาสนิกชนทั้งโลก

เมื่อพูดถึงยุโรปตะวันออก อันรวมทั่งโปแลนด์ และยูเครน ผู้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ไม่กล่าวถึง ชนเผ่า สลาฟ ไม่ได้ชนเผ่านี้ ซึ่งมีมากในยุโรป ตะวันออก ลามปามไปจนถึงรัสเซีย หากพบหญิงสาว วัยตั้งแต่ 14 - 29 ใน 10 คน เป็นดาราเมืองไทยได้ 9 คน ส่วนที่เหลืออีก 1 คน เป็นนางแบบ ถ้าไม่เชื่อดูรูป

พนักงานร้านขายช๊อคโกแลต

แฟนใครไม่รู้

นางแบบชื่อดัง

นางแบบ

อยากรู้จักแต่ไม่กล้าทัก

เหลือบมองวอดก้า หมดไปเกือบครึ่งขวด อากาศเริ่มเย็น ปนะมาณซัก 11 องศาเซลเซียส ทีมอะไรแข่งกับทีมอะไร ฟังไม่ได้ศัพท์ คิดถึงบ้าน ท่านที่เคยไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวนานๆ คงจำความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เหงา ว้าเหว่ อยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่รู้จักใครเลย แออัด แต่วังเวง เหน็บหนาว มืดครึ้ม จนตนาการล่องลอย ความรู้สึกครึ่งหลับ ครึ่งตื่น เคลิ้มไปว่า คู่ชิงชนะเลิศ ของฟุตบอลยูโร คราวนี้ ฝ่ายหนึ่ง ใส่เสื้อสีฟ้า ส่วนอีกทีมหนึ่ง ใส่เสื้อสีแดง ครึ่งแรกเสมอกัน 0 - 0 ประวัติทีมสีฟ้า เป็นทีมที่ก่อตั้งมายาวนาน แทคติกลูกเล่น แพรวพราว ทำอะไรไม่เคยผิด นักเตะแต่ละคน เขี้ยวลากดิน เคยสังกัด อยู่ในทีมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กันโช่ ซีรีอา ของอิตาลี ลาลิกา ของเสปน ส่วนอีกฝ่าย ใส่เสื้อสีแดงเข้ม เป็นทีมบ้านนอก โนเนม ลีลาไม่โดดเด่น อีด ถึงลูกถึงคน กองเชียร์เยอะ แข่งที่ไหน แฟนๆตามเชียร์ สนามแทบแตก นักเตะหลายคน ติดโทษแบน ไม่ใช่แค่ห้ามลงสนามนะ เข้าคุกยาวไปเลย ได้เปรียบเ)พาะความอึดเท่านั้น นี่ถ้าหาก แข่งกัน กรรมการไม่เข้าข้าง ลานแมน ไม่ลำเอียง ให้ฝ่ายตรงกันข้าม รับรองชนะ เป็นดับเบิ้ลแชมป์ตั้งนานแล้ว ครึ่งหลัง สองฝ่าย ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ศูนย์หน้าตัวเก่งทีมสีฟ้า ซึ่งเคยสังกัด สโมสรนิวคาสเซิลตั้งแต่เด็ก ฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์ แต่หลังจากทำฟาวล์ ผู้เล่นฝ่ายสีแดงซึ่งอดีตเป็นจ่าตำรวจ ทำให้แฟนๆของสีฟ้า ไม่สบอารมณ์ ไปบ้าง หมดครึ่งหลัง สองฝ่านได้ประตูเสมอกัน 1 - 1 กรรมการต้องต่อเวลา ออกไปอีก 30 นาที ไม่มีใครทำประตูใครได้ น่าตื่นเต้นมาก ถึงเวลาต้อง ดวลลูกโทษกันแล้ว วอดก้าก็ใกล้จะหมดแล้ว ฝ่ายสีแดง ชนะการดวลจุดดทษ 5 -2 สีฟ้าประท้วง ซึ่งเป็นอย่างนี้มาดดยประจำ ทีมใส่เสื้อสีฟ้า ไม่ยอมรับการตัดสินของประชาชน โอ๊ย ของกรรมการ ประท้วง เดินออกนอกสนามไปสู่ลานคนเมือง ไม่ใช่ ห้องพักนักกีฬา โธ่ แพ้ก็คือแพ้ แมทซ์หน้ายังมีโกรธแค้นกันไปใย เลือกตั้งใหม่ก็ยังมีอีกน่า ทำดีเข้าไว้แล้วประชาชนตัดสินเอง เอาใจช่วยสีฟ้า น่าาาาาา จริงๆนะเค้าไม่ได้โกหก นะตัวเอง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.paolingli.com, www.ladyinter.com, ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต