เชิด ทรงศรี

ประวัติบุคคล : เชิด ทรงศรี

ประวัติ เชิด  ทรงศรี (Cherd Songsri)

 เชิด ทรงศรี เป็นชาวนครศรีธรรมราช เริ่มงานด้วยการแกะสลักตัวหนังตะลุงขาย เมื่อจบการ ศึกษาได้เป็นครูอยู่โรงเรียนประจำตำบลบ้านม่วงเจ็ดต้น 1 กิ่งอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนกลางป่า หลังจากนั้นเข้าทำงานที่องค์การ ร.ส.พ. โดยเป็นบรรณาธิการนิตยสารยานยนต์ของ ร.ส.พ. นิตยสารชีวิตใหม่รายสัปดาห์ และวารสารทัศนาจร ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจาก ร.ส.พ. คือ รักษาการหัวหน้าส่วนทัศนาจร จากนั้นเข้าเป็นบรรณาธิการนิตยสารภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Movie and TV Weekly) และเป็นบรรณาธิการบิหารหนังสือพิมพ์ "หลักเมือง" รายวัน(ยุคใหม่)

เชิด ทรงศรี เริ่มเขียนนวนิยาย-เรื่องสั้น ตั้งแต่ยังทำงานอยู่ที่ ร.ส.พ. แต่มาเขียนอย่างจริงจังหลังจากลาออกจากงานประจำทุกแห่ง โดยมีทั้งเรื่องสั้น สารคดี บทความ บทละครวิทยุ-โทรทัศน์และบทวิจารณ์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังแต่งเพลงร้อง, เพลงประกอบภาพยนต์และละครโทรทัศน์ด้วย

เขาสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือเรื่อง "โนห์รา" เป็นภาพยนตร์ระบบ 16 มม. ใช้เสียงพากย์ โดยใช้ทุนทรัพย์ของตนเอง และยังเขียนบทภาพยนตร์ ออกแบบฉาก ลำดับภาพ แต่งเพลงประกอบกำกับการแสดง และทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ด้วยตนเอง ปรากฎว่าเป็นภาพยนต์ทำรายได้สูงสุดในปีที่นำออกฉาย ส่วนภาพยนตร์ 16 มม. ที่ทำรายได้สูงสุดในประเทศไทยหลังจากประสบความสำเร็จทางรายได้จาก "พ่อปลาไหล" เชิด ทรงศรี ได้เดินทางไปฮอลลีวู้ดเพื่อศึกษาวิชาการภาพยนตร์เพิ่เติมที่ยูซีแอลเอ ได้ฝึกงานกำกับ ฯ และเขียนบทกับ วอลเตอร์ดอนนิงเจอร์ ที่โรงถ่ายเบอร์แบงค์ แล้วกลับมาสร้างภาพยนตร์ระบบ 35 มม. เริ่มด้วยเรื่อง "ความรัก"

ช่วงที่อยู่อเมริกา 4 เดือน ได้เห็นสังคมอเมริกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ถูกแยกให้ออกไปอยู่กันตามลำพังจังเกิดความสำนักถึงคุณค่าของความเป็นไทยที่ลูกหลานจะช่วยกันดูแลปู่ ยา ตา ยาย ด้วยความเคาราพรักและกตัญญู จึงได้คิดสร้างหนังที่แสดงออกถึงความเป็นไทย แต่ด้วยเหตุผลทางด้านแนวทางของหนังซึ่งไม่เป็นที่นิยมของตลาด จึงต้องสร้างหนังเรื่อง "ความรัก" และ "พ่อไก่แจ้" ก่อนเพื่อใช้กำไรจากหนังทั้งสองเรื่องนี้เตรียมไว้สร้างและพร้อมที่จะขาดทุนกับหนังที่อยากสร้าง ซึ่งให้ชื่อเรื่องว่า "แผลเก่า" และตั้งสโลแกนคู่กับหนัง อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ว่า "เราจักสำแดงความเป็นไทยต่อโลก" โดยขณะที่สร้างหนังเรื่องนี้ ไม่มีผู้ค้าภาพยนตร์รายใดยอมซื้อหนังเรื่องนี้เลย

แต่เมื่อ "แผลเก่า" ฉาย ปรากฎว่าทำรายได้สูงสุดของภาพยนตร์ทุกเรื่อง ทุกระบบ ทุกชาติ นับตั้งแต่เคยีภาพยนตร์ฉายในเมืองไทยเป็นต้นมาจนถึงขณะนั้น และในปี พ.ศ. 224 "แผลเก่า" ได้รับรางวัลกรังด์ปรีซ์จากการประกวดภาพยนต์ในงาน Festival des 3 Continents ณ เมืองน็องต์ประเทศฝรั่งเศส ก่อนหน้านั้นได้รับรางวัลบทประพันธ์ยอดเยื่ยมและรางวัลเครื่องแต่งกายและแต่งหน้ายอดเยี่ยมจากการประกวดในประเทศ ตลอดจนได้รับโล่เกียรติยศภาพยนตร์ที่เชิดชูเอกลักษณ์ไทยยอดเยี่ยมจาก ฯพณฯ พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรีในช่วงนั้น

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 "แผลเก่า" ได้รับเลือกจาก Museum of Moving Image in London นิตยสาร Sight and Sound และผู้กำกับภาพยนตร์และนักวิจารณ์ภาาพยนตร์จากทั่วโลก ให้เป็น 1 ใน 360 ภาพยนตร์คลาสสิคของโลกอีกด้วย นอกจากเรื่อง "แผลเก่า" แล้ว ผลงานการกำกับของ เชิด ทรงศรีเรื่อง "อำแดงเหมือนกับนายริด" ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับเลือกเป็น Opening Film ในงานมหกรรมภาพยนตร์ Focus on Asia 1994 Fukuoka International Film Fecstival และได้รับเลือกฉาย ณ โรงภาพยนตร์ Art House "Iwanami Hall" และโรงในเครือ ทั่วประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะมีผลงานด้านการดำกับภาพยนตร์ไทยมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติถึงความรู้ ประสบการณ์และความสามารถจนได้รับเชิญเป็นกรรมการตัดสินการประกวนภาพยนตร์นานาชาติอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ.2540 เขายังได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นอาเซียนสาขาสนเทศ ด้านภาพยนตร์ด้วย

ผลงานภาพยนตร์จนถึงปัจจะบันของ เชิด ทรงศรี มีด้วยกันทั้งสิ้น 18 เรื่อง คือ โนร์หรา, เมขลา, อกธรณี, พญาโศก, ลำพู, คนใจบอด, พ่อปลาไหล,ความรัก, พ่อไก่แจ้, แผลเก่า, เลือสุพรรณ, เพื่อน - แพง, ทวิภพ, คน - ถามหาตนเอง, อำแดงเหมือน กับ นายริด, เรือนมยุรา, และข้างหลังภาพ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสี่ผู้กำกับภาพยนตร์เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี อาเซียน เรื่อง "Southern Winds" (เป็นภาพยนตร์ออมนิบุส 4เรื่อง กำกับโดยผู้กำกับ ฯ จากประเทศอาเซียน 3 คน คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และผู้กำกับ ฯ ชาวญี่ปุ่นร่วมด้วยอีก 1 คน)เขียนโดย JE M'APPE KANRAVEE NEDSAREE ที่ 5:21